วันเสาร์ที่ 19 กรกฎาคม พ.ศ. 2557

นายอำเภอเวียงเชียงรุ้งนำทุกภาคส่วนทำบุญทุกวันพระและรณรงค์การถือศิล๕

 นายธนิต สุภาแสน นายอำเภอเวียงเชียงรุ้งนำทุกภาคส่วนทำบุญทุกวันพระ และรณรงค์การถือศิล ๕ เมื่อวันที่ ๑๙ กรกฎาคม ๒๕๗ ที่วัดดงชัย ตำบลทุ่งก่ออำเภอเวียงเชียงรุ้ง มีการทำบุญร่วมกับประชาชนศรัทธาวัดดงชัย ๓ หมู่บ้านอันได้แก่ บ้านดงชัย บ้านป่าห้า บ้านเด่นสันทราย และได้มีการพบปะกล่าวความรู้สึกตลอดจนนำข้อคิดมาฝากก่อนที่จะรับฟังเทศนา รับศีล รับพร  โดยมีผู้นำได้รับเชิญกล่าวตามลำดับดังนี้

  • ท่านนายอำเภอ แสดงความดีใจ ชื่นชม ความโชคดีของชาวบ้านเวียงเชียงรุ้งที่ไม่ได้รับความเสียหายจากภัยแผ่นดินไหว เชิญชวนร่วมทำบุญสืบชะตาเวียงเชียงรุ้ง ตามแบบของจังหวัดที่วันนี้จะมีการสืบชะตาเมืองเชียงรายที่วัดร่องขุ่น พร้อมกันนั้นก็ขอเป็นผู้นำการอดเหล้าเข้าพรรษาเพื่อสร้างบุญกุศลร่วมกัน
  • นายปฏิทาน นัยติ๊บ สมาชิกสภาจังหวัด ก้แสดงความยินดีที่ได้ท่ร่วมทำบุญ ขอบคุณชาวบ้านที่ไว้วางใจให้เป็นตัวแทน และตั้งใจจะช่วยเหลือประชาชนทุกส่วนของเวียงเชียงรุ้งอย่างเต็มกำลังความสามารถ
  • นายอินจันทร์ สิทธิขันแก้ว กำนันตำบลทุ่งก่อ ประธานชมรมกำนันผู้ใหญ่บ้านอำเภอเวียงเชียงรุ้ง แสดงความดีใจที่ได้มาร่วมทำบุญ เชิญชวนอดเหล้าเข้าพรรษา รักษาศีลห้ากันอย่างจริงจัง สนับสนุนการเป็นผู้ปฏิบัติธรรมชุดขาว ย้ำว่าขอให้ขาวทั้งในและนอกไม่เป็นขาวแบบชาลาเปา เปนที่ถูกอกถูกใจผู้ฟังไปตามกัน และย้ำสุดท้ายว่าเวียงเชียงรุ้งต้องปรองดองมีแค่สีเดียวไม่แบ่งแยกหลายสีสามัคคีกันตลอดไป
  • นายอินทร์จันทร์ มณีจันทร์สุข นายก อบต.ทุ่งก่อ  ก็ปาวารณาตัวจะร่วมทำบุญตลอดทั้งพรรษาโดยจะเวียนไปตามวัดต่างๆในพื้นที่จนครบเช่นกัน
  • นายอรุณศักดิ์ คันธาเศรษฐ ประธานสภาวัฒนธรรมเวียงเชียงรุ้ง ก็ชื่นชมกับการมาทำบุญของทุกๆคน และยินดีสนับสนุนกิจกรรมโครงการที่จะรักษาขนบธรรมเนียมประเพณีวัฒนธรรมที่ดีงามของคนเวียงเชียงรุ้ง ไว้ตลอดไป และย้ำขอให้ผู็เฒ่าผู้แก่นำเด็กมาร่วมทำบุญเพื่อปลูกฝังการทำบุญเข้าวัดตั้งแต่ยังเด็กๆ จะได้เป็นเยาวชนที่ดีไม่ไปยุ่งยาเสบติดหรืออบายมุขต่างๆ
  • ปิดท้ายท่านพระครูฯท่านเจ้าคณะอำเภอก็เทศนาในเรื่องต่างๆตามประเด็นที่ท่านผู้นำแต่ละคนได้กล่าวเรื่องของการรักษาศีล ๕ การสมานสามัคีกันให้มีสีเดียว ไม่การกล่าวร้ายป้ายสี ติฉินนินทา การทำทานก็ให้ประกอบด้วยจิตใจบริสุทธิ์  ทำใจให้ผ่องใสไม่ขุนข้องใจติดใจกับของที่ตนเองที่ทำทานไปแล้ว เงินก็แค่พาไปโน่นนีและโรงพยาบาล ลูกหลานก็พาไปได้แค่ประตูป่าช้า ทรัพย์สมบัติไร่นาก็แค่เป็นมรดกยกตามไปก็ไม่ได้ มีแต่บุญปาปเท่านั้นที่จะติดตามไปทุกภพทุกชาติ ทำบุญแล้วอย่าไปติดตามว่าเขาเอาไทำอะไร เพราะนำไปคิดจะทำให้กลายเป็นเปรตตัวสูงเท่ามะพร้าวแต่มีปากแค่รูเข็ม สำหรับการดูและพระเณรก็เช่นกันท่านพระครูย้ำว่าอย่าไปตำหนิเณรที่บิณทบาตรแล้วเอาไห้พ่อแม่ หรือผู้มีพระคุณผู้ยากไร้ เพราะว่าความกตัญญูกตเวทีนั้น พระพุทธเจ้าว่าไว้ว่าเป็นธรรมคุ้มครองโลก ท่านพระครูเห็นว่ามีเวลามากพอสมควรท่านได้ให้ข้อคิดอีกมากที่ผู้เขียนก็จดจำได้ไม่หมดนับว่าเป็นการทำบุญที่มีคุณค่ากับเวลามากมายจริงๆ  ทำบุญเสร็จกราบลาพระเวลา ๐๘.๓๕ น.







ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น